อนุมูลอิสระตัวการ “ผิวแก่” น่ากลัวอย่างไร? จัดการได้อย่างไร?

อนุมูลอิสระตัวการ "ผิวแก่"

Free radicals the cause of "premature aging skin"
How to deal with this problem?


ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ความงามแทบจะทุกยี่ห้อที่ชูความโดดเด่นเรื่อง “สารต้านอนุมูลอิสระ” แล้วทุกท่านสงสัยกันไหมคะว่า ไอ้เจ้าสารอนุมูลอิสระจริงๆแล้วเกิดได้จากอะไรบ้าง ส่งผลเสียอย่างไร แล้วสารประกอบอะไรที่ช่วยยับยั้งความเสียหายนั้นได้ วันนี้ Tropicalife จะมาอธิบายและแนะนำคร่าวๆแบบโพสเดียวจบ!



อนุมูลอิสระ (Free Radical)

           ภายใน่รางกายของมนุษย์เรานั้นประกอบไปด้วยเซลล์ (Cell) ภายในเซลล์ประกอบไปด้วยอะตอม (atom) เปลือกนอกของอะตอมอีกทีเราเรียกว่าอิเล็กตรอน (electron) ซึ่งอะตอมที่มีความเสถียรจะมีอิเล็กตรอนจับคู่กันอยู่ ดังนั้นอะตอมที่มีอิเล็กตรอนอยู่เดี่ยวๆไม่มีคู่ เราเรียกว่าอะตอมที่ไม่เสถียร ซึ่งมีความว่องไวมาก (Reactive) และเพื่อต้องการจะสร้างความเสถียรให้กับตัวเอง อะตอมเหล่านั้นก็จะทำปฏิกิริยากับอะตอมรอบๆตัว โดยการดึงอิเล็กตรอนมาเป็นของตัวเองเพื่อให้ตัวเองเกิดความเสถียร ดังนั้นอะตอมที่ถูกขโมยอิเล็กตรอนมาจึงกลายเป็น อนุมูลอิสระ แล้วก็จะทำปฏิกิริยากับอะตอมรอบๆต่อไปเรื่อยๆไม่จบสิ้น เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ (chain reaction)

          และเมื่ออนุมูลอิสระมีอยู่ในปริมาณเข้มข้นเกินไปจนร่างกายกำจัดไม่หมด อนุมูลอิสระก็จะเข้าไปทำลายเซลล์ ดีเอ็นเอ โปรตีน เยื่อหุ้มเซลล์ เป็นที่มาของปัญหาผิวต่างๆเรียกว่า “ผิวแก่” คือ เกิดริ้วรอยก่อนวัย ความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ผิวเหี่ยวย่น

อนุมูลอิสระเกิดได้จาก 2 ปัจจัยหลักคือ ภายในและภายนอก

            ภายใน คือ การที่อนุมูลอิสระเกิดจากกระบวนการต่างๆในร่างกาย เช่น การหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป การเผาผลาญน้ำตาลเพื่อไปใช้เป็นพลังงาน การออกกำลังกาย ย่อยอาหาร การพักผ่อนไม่เพียงพอ ภาวะความเครียด และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าคนเราทุกคนล้วนมีสารอนุมูลอิสระอยู่ในตัวตั้งแต่กำเนิด แต่ร่างกายก็สามารถผลิตสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อมากำจัดได้ แต่แล้วเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะผลิตสารต้านอนุมูลอิสระได้น้อยลงไปตามกาลเวลา จึงจำเป็นต้องได้รับผ่านการทานอาหารและการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ

           ภายนอก คือ การได้รับสารอนุมูลอิสระจากสิ่งต่างๆเข้ามาในร่างกาย เช่น 

- การสูดดมสารเคมีจากสี น้ำมัน น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และอื่นๆ

- การสูดดมควันบุหรี่ ควันไฟเผาไหม้

- แสงแดด คลื่นแม่เหล็ก รังสีเอกซเรย์

- มลพิษจากสิ่งแวดล้อม ฝุ่นควัน ควันรถยนต์

- อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม

- ยารักษาโรคบางชนิด

ยาฆ่าแมลง

- สารเคมีจากอุตสาหกรรม



จัดการกับ Oxidants ด้วย Anti-Oxidants

          สารต้านอนุมูลอิสระ คือสารที่มีอิเล็กตรอนจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อได้รับเข้าไปในร่างกาย ก็จะช่วยเติมเต็มอะตอมที่ไม่เสถียร ไม่ให้ไปขโมยอิเล็กตรอนจากอะตอมอื่นๆอีก ดังนั้น ก็จะช่วยยับยั้ง หรือชะลอการเกิดอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายของการถูกอนุมูลอิสระทำลาย เราสามารถพบสารต้านอนุมูลอิสระได้จากพืชผักผลไม้หลายชนิด โดยแต่ละชนิดก็จะมีสารต้านอนุมูลอิสระแตกต่างกันไป ในด้านความงามโดยเฉพาะการบำรุงผิวพรรณ เพียงแค่การทานเข้าไปอาจจะไม่เพียงพอ เพราะกว่าที่สารต้านอนุมูลอิสระจะส่งผ่านมาถึงการบำรุงผิว ก็ได้รับเพียงเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งไม่เพียงพอ ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวโดยตรงจึงเป็นทางเลือกที่เห็นผลที่สุด

           Oil Natural ตอบโจทย์เรื่องสารต้านอนุมูลอิสระที่สุด น้ำมันธรรมชาติจะได้รับการสกัดจากพืชผักผลไม้เท่านั้น โดยเฉพาะในส่วน เมล็ด ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่อุดมไปด้วยสารประกอบต่างๆเข้มข้นมากที่สุด เอาล่ะค่ะ เรามาดูกันว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง มีอะไรบ้าง และ oil ชนิดไหนอุดมไปด้วยสารประกอบนั้นๆบ้าง

แหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงก็คือ

Beta-carotene (pro-vitamin a) พบได้ในผักและผลไม้ที่มีสีเขียว ส้ม แดง เป็นส่วนใหญ่ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณภาพสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สุขภาพดี เปล่งปลั่ง ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยแผลเป็น เสริมสร้างให้เซลล์ผิวแข็งแรง จัดเป็นสารที่ช่วย “ชะลอความแก่” น้ำมันที่อุดมไปด้วยสารชนิดนี้ก็คือ

- Blueberry seed oil เป็นแหล่งของ carotenoids ที่ยอดเยี่ยมอีกชนิดหนึ่ง น้ำมันชนิดนี้จะทำให้ผิวของคุณพร้อมเผชิญกับมลภาวะได้อย่างไร้กังวล เพราะสามารถปกป้องและฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึกเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น! มีวิตามินและกรดไขมันที่ดีต่อการบำรุงผิวให้อ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น ลดการปรากฏของริ้วรอยก่อนวัย

- Black current seed oil เหมาะกับผิวทุกประเภทรวมทั้งผิวบอบบางแพ้ง่าย อุดมไปด้วย antioxidants, gamma-linoleic acid ช่วยต้านการอักเสบของผิว เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ปกป้องผิวจากการเกิดแบคทีเรีย

- Broccoli seed oil อุดมไปด้วย beta carotene, vitamin c สารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูง มีสาร sulforaphane ช่วยในการล้างสารพิษได้ดีเป็นพิเศษ และยังอุดมไปด้วย erucic acid คุณสมบัติคล้าย silicone บำรุงให้ผมนุ่มสลวยโดยไร้สารเคมี

- Buriti Oil มีความยอดเยี่ยมเนื่องจากเต็มไปด้วย beta carotene (pro vitamin a) และ vitamin e จึงโดดเด่นในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดได้โดยธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมานุ่มชุ่มชื้นอิ่มน้ำได้ดี Buriti จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น Tree of life ของชาวพื้นเมืองอเมซอน

- Evening Primrose Oil น้ำมันเนื้อบางเบาอ่อนโยน ใช้ได้กับผิวทุกประเภท ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันบนใบหน้าให้อยู่ในเกณฑ์สมดุล ลดการเกิดสิว ผิวชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดความคันหนังศีรษะ

- Watermelon seed oil ป้องกันการระเหยของน้ำในผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน เนื้อสัมผัสบางเบาไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เหมาะกับผิวบอบบางและเป็นสิว

- Raspberry seed oil สุดยอดน้ำมันที่อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะวิตามินอี จึงเป็นน้ำมันที่ต่อสู้กับอนุมูลอิสระได้อย่างยอดเยี่ยม น้ำมันเนื้อเบา กลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้ได้ทุสภาพผิว

Vitamin C อีกหนึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกอนุมูลอิสระทำลายไป ปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย เสริมเสร้างภูมิคุ้มกันช่วยให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น  

- Sea buckthorn seed oil น้ำมันมหัศจรรย์แห่งการบำรุงผิว ซีบัคธอร์นถูกยกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินจีน และมีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านความงาม มักใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ความงามที่มีความพรีเมี่ยม หรูหรา น้ำมันชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามินซีมากกว่าพืชตระกูลส้มถึง 15 เท่า และมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าพืชในตำนานอย่างโสมถึง 4 เท่าเลยทีเดียว และยังเป็นพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆอีกมากมายรวมทั้ง beta carotene ช่วยบำรุงให้ผิวนวล ปลั่งปลั่งสุขภาพดี ขอบอกว่าเป็นน้ำมันที่ห้ามพลาดในชีวิตนี้!

- Pomegranate seed oil สุดผลแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ น้ำมันเมล็ดทับทิมอุดมไปด้วยวิตามินซีที่เข้มข้น นิยมใช้เป็นส่วนผสมของเซรั่มลดเลือนริ้วรอย ครีมกันแดด และบำรุงผิวหน้ากระจ่างใจ มี bioflavonoids ช่วยให้วิตามินซีทำงานดีขึ้น เพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือด และควบคุมการดูดซึมของสารต่างๆ

- Marula seed oil คู่แข่งตัวฉกาจของ argan oil! น้ำมันชนิดนี้มีความโดดเด่นตรงที่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าที่พบในอาร์แกนถึง 60% โดยเฉพาะ vitamin c มีมากกว่าส้มประมาณ 4-5 เท่า

- Passsion fruit oil อีกหนึ่งชนิดที่คนรักผิวควรลองใช้! นอกจากอุดมไปด้วย vitamin c & beta-carotene ยังมีสารประกอบอื่นๆที่ช่วยปลอบประโลมผิวจากการระคายเคือง ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสดใสอ่อนเยาว์ ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียบนผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะกับทุกสภาพผิว

- Rosehip Oil น้ำมันที่โด่งดังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ เช่น Vitamin C, A, D, E ในบรรดาวิตามินเหล่านี้พบว่า โรสฮิปมีความเข้มข้นของ vitamin c มากที่สุด จึงมีส่วนช่วยในเรื่องริ้วรอย ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส ลดการปรากฏของจุดด่างดำ และรอยแตกลายต่างๆได้ดี



Vitamin E ทำหน้าที่เป้นมอยเจอร์ไรเซอร์ชั้นเยี่ยม รักษาความชุ่มชื้นของผิวอย่างสมบูรณ์แบบ มีความโดดเด่นเรื่องการต้านอนุมูลอิสระและปกป้องผิวจากอาการอักเสบต่างๆ ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น วิตามินอีมีส่วนช่วยให้สารประกอบอื่นๆทำงานได้ดีมากขึ้นโดยเฉพาะวิตามินเอ การได้รับวิตามินอีเพื่อบำรุงผิวจะช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ ป้องกันไม่ให้แผลเป็นมีความหนาหรือนูนขึ้นซึ่งจะยากต่อการรักษาในภายหลัง ลดอาการผิวไหม้จากแสงแดด รอยดำรอยแดงจากสิว และลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

- Vitamin E - Natural (d-alpha tocopherol) วิตามินอีธรรมชาติที่สกัดได้จากพืชตระกูลถั่วเหลือง ให้ประโยชน์และความปลอดภัยต่อการระคายเคือง มากกว่าที่เป็นวิติมินอีสังเคราะห์ ช่วยบำรุงได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระทุกชนิดเช่น ฝุ่นควัน แสงจากดวงอาทิตย์และจากหลอดไฟ ช่วยปรับสมดุลน้ำมันบนผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง คงความอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน

- Prickly Pear Seed Oil น้ำมันชนิดนี้สกัดได้จากเมล็ดที่อยู่ในผลพริคลี่ย์แพร์ ประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงถึง 89% โดยเฉพาะ Linoleic Acid ที่จะช่วยให้น้ำมันมีเนื้อบางเบาซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว ชะลอการระเหยของน้ำในผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ และยังมีความเข้มข้นของ Vitamin E (มากกว่า Argan 3 เท่า) โดดเด่นเรื่องการลดริ้วรอย คลายความหมองคล้ำ บรรเทาอาการอักเสบของผิวที่เป็นสิว จึงช่วยบำรุงผิวให้มีชีวิตชีวาได้เพียงชั่วข้ามคืน! น้ำมันพริคลี่ย์แพร์มีวิธีสกัดที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้ผลพริคลี่ย์แพร์ถึง 1 ตัน เพื่อให้ได้น้ำมัน 1 ลิตร จึงทำให้เป็นน้ำมันราคาสูง นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ความงามที่มีความหรูหรา

- Cacay Oil เจ้าของฉายา “สุดยอดน้ำมันแชมป์แห่งการต่อต้านริ้วรอย” น้ำมันเมล็ดคาเคย์เต็มเปี่ยมไปด้วยสารประกอบอันล้ำค่ามากมาย มันมีปริมาณของ Linoleic Acid สูงมาก จึงทำให้น้ำมันชนิดนี้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว มี Retinol (vitamin a) มากกว่าโรสฮิป 3 เท่า และ vitamin e มากกว่าที่พบใน Argan & Rosehip ประมาณ 50% นั่นยืนยันแล้วว่าเป็นน้ำมันที่โดดเด่นเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพน่าครอบครองอีกชนิดหนึ่ง

- Avocado seed oil มีความอ่อนโยนต่อผิวหนังสูงและเต็มไปด้วยพลังแห่งความเนียนนุ่มชุ่มชื้น เหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวแห้งขาดน้ำ นอกจากจะยอดเยี่ยมในการบำรุงผิวแล้ว ในด้านสุขภาพผมน้ำมันชนิดนี้ยังได้รับความนิยมจากทั่วโลก เพราะมี Erucic Acid ทำหน้าที่เหมือนสารซิลิโคน จึงมักใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบธรรมชาติไร้สารเคมีประเภทซิลิโคน

- Andiroba oil Supper fruit of Amazon มีความโดดเด่นด้านการปกป้องและฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก โดยเฉพาะผิวที่อักเสบ แห้งกร้าน ผื่นคัน นอกจากนั้นยังมีวิตามินและกรดไขมันที่เป็นผลดีต่อการลดเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ และยังได้รับความนิยมใช้บำรุงผมที่แห้งเสียรุนแรง ชี้ฟู หนังศีรษะคันเรื้อรัง การนวดผิวและหนังศีรษะจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

                 เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับบทความวันนี้ tropicalife เดาว่าคุณผู้อ่านจะต้องได้รายชื่อน้ำมันที่อยากลองใช้สัก 2-3 รายชื่อแล้วใช่ไหมล่ะคะ อย่ารอช้าค่ะ เพราะว่าการลงทุนกับผิว ลงทุนอย่างไรก็ไม่มีทางขาดทุน ขอแค่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง ปลอดภัยต่อสารเคมีร้ายแรง เพียงเท่านี้คุณก็จะบำรุงให้ผิวสวยสุขภาพดีได้อย่างยาวนานแล้วล่ะค่ะ ^__^