MORINGA OIL ปกป้องผิวจากแสงแดด ทำความสะอาดผิวล้ำลึก

                                 Moringa Oil - Virgin Organic
                                                       (น้ำมันมะรุม)

 

 

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Pharmacy and Pharmaceutical Sciences พบว่า น้ำมันมะรุมสามารถช่วยป้องกันแสงแดดได้ นักวิจัยพบว่าน้ำมันนี้มี SPF ที่สามารถช่วยให้ครีมกันแดดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

Moringa Oil (น้ำมันมะรุม) เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากต้นมะรุม (Moringa Oleifera)
เจ้าของฉายา “the miracle tree” ต้นไม้มหัศจรรย์ ต้นตำรับความงามที่ถูกบันทึกไว้มานานกว่าพันปี!
ทุกส่วนของพืชชนิดนี้มีประโยชน์ที่น่าทึ่งทั้งหมด เช่น เมล็ด ฝัก ผล ราก หรือแม้กระทั่งเปลือก จึงถูกเรียกว่าต้นไม้มหัศจรรย์ แต่ส่วนที่มีประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะในด้านความงามก็คือ “เมล็ด” 

 

มีเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ว่า ตั้งแต่สมัยเมื่อหลายพันปีก่อนชาวกรีกและชาวโรมันนอกจากจะใช้น้ำมันมะรุมเพื่อการบริโภค ก็ยังนิยมนำมาใช้เพื่อความงาม เริ่มแรกจากการนำมาบำรุงผิวพรรณและเช็ดทำความสะอาดผิว น้ำมันมะรุมเป็นที่ถูกใจเนื่องจากมันมีคุณสมบัติปกป้องผิวจากการถูกแดดทำลาย ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในตอนนั้นสำหรับการดำรงชีวิตที่ต้องออกเดินทางแต่ละครั้งเป็นเวลานานๆ ต้องเจอแสงแดดและมลภาวะลายล้อม ถึงอย่างนั้น ผิวก็ยังคงสุขภาพดีและอ่อนเยาว์

 

Moringa oil อุดมไปด้วยสารอาหารที่ผิวต้องการมากที่สุด สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ทรงประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผิวได้อย่างดีเยี่ยมและที่ทำให้น้ำมันชนิดนี้โดดเด่นเป็นที่พูดถึงและต้องการมากที่สุดคือ มีสารประกอบของ cytokinins อีกทั้ง zeatin (ฮอร์โมนพืชที่มีศักยภาพมากที่สุด) ซึ่งช่วยในการส่งเสริมการเติบโตของเซลล์ผิวควบคู่ไปกับชะลอกระบวนการเสื่อมของผิว สาเหตุของผิวชราเหี่ยวย่นจึงได้รับความนิยมมากในการใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ความงามเช่น ครีมบำรุงผิวหน้า-ผิวกาย, ยาสระผม, ครีมนวดผม, สครับ, พอกผิว และอื่นๆมากมาย

เนื้อสัมผัสของน้ำมันมีความบางเบาและนุ่มลื่น อีกทั้งมีความเสถียรค่อนข้างสูง จึงทำให้น้ำมันชนิดนี้เกิดการหืนได้ช้ากว่าน้ำมันหลายๆตัวในระดับเดียวกัน

 

สรุปประโยชน์หลักๆของ Moringa Oil

  1. เสริมเกาะป้องกันผิว
    มีกรดไขมันสำคัญที่ช่วยบำรุงรักษา stratum corneum (ชั้นของผิวหนังที่เป็นเกราะป้องกันสิ่งแวดล้อมและควบคุมการซึมผ่าน) ช่วยฟื้นฟูผิวที่สูญเสียความชุ่มชื้นและเสียหายจากสิ่งแวดล้อม ทั้งแสงแดดและมลภาวะ
  2. ฟื้นบำรุงผิวที่เสียหายจากมลภาวะ (Pollution)
    มลภาวะมีอยู่ทุกที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ 100% และมีนคือปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น ผิวแห้งสูญเสียน้ำ ผิวไม่ยืดหยุ่นเกิดริ้วรอยได้ง่าย เวลาเป็นสิวหรือแผลก็จะทำให้ผิวสมานตัวได้ช้าลง ทิ้งรอยดำรอยแดงไว้ชัด น้ำมันมะรุมที่สามารถซึมลึกเข้าสู่ผิวได้จึงเข้าไปช่วยฟื้นฟูความเสียหายในส่วนนี้ได้
  3. ต่อต้านริ้วรอยก่อนวัย
    อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่าน้ำมันชนิดนี้อัดแน่นไปด้วย Antioxidant ดังนั้นมันจึงช่วยควบคุมการทำงานของอนุมูลอิสระ ชะลอกระบวนการเหี่ยวย่นของผิว ช่วยให้ผิวกระชับขึ้นโดยธรรมชาติ
  4. ปรับผิวให้กระจ่างใสโดยธรรมชาติ
    Vitamin C ที่มีอยู่ในน้ำมันมะรุมช่วยปรับให้ผิวกระจ่างขึ้น เรียบเนียนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงผิวแบบทาทิ้งไว้ หรือการนวดแล้วล้างออก ก็ยังช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างขึ้น
  5. ต่อต้านการเกิดสิวและช่วยลดจุดด่างดำหลังสิวยุบตัว
    มีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และยังช่วยปรับสมดุลการผลิตน้ำมันของผิวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดสิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  6. ทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึกถึงรูขุมขน
    มีปริมาณของ Oleic acid สูงถึง 72% ซึ่งช่วยในการยับยั้งสารเคมีทำร้ายผิวที่ไปตกค้างในรูขุมขน และยังมีความสามารถในการสร้าง keratin ตามธรรมชาติเพื่อให้ผิวคงความกระชับอ่อนเยาว์ไว้
  7. คลายความแห้งกร้านผิวได้ดีเยี่ยม
    นอกจากช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้ำมันมะรุมยังช่วยลดอาการระคายเคืองผิวที่คล้ายอาการของโรคผิวหนัง