Best oil for massage  7 น้ำมันยอดนิยมใช้ได้ทั้งผิวกายและผิวหน้า

                                                    " การนวดด้วยน้ำมัน " 

นับว่าเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ในทาง อายุรเวท โดยมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดียกว่า 500 ปีมาแล้ว การนวดนับว่าเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตมนุษย์เรา ที่จะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขและผ่อนคลายออกมาโดยอัตโนมัติ ในแต่ละวันที่เราต้องดำเนินชีวิตโดยการใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วงอีกครั้งสมองที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนที่คุณหลับใหล สร้างความเหนื่อยล้าสะสมมาโดยตลอด ดังนั้น ช่วงเวลาที่เราได้เอนตัวลงบนที่นอนพร้อมได้รับการนวดคลึงด้วยน้ำมันไปทั่วร่างกาย ปล่อยให้น้ำมันธรรมชาติซึมเข้าสู่ผิวเพื่อบำรุงอย่างล้ำลึก สูดดมกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยที่มีประโยชน์ในการบำบัดอย่างเต็มปอด จึงเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายและสมองต้องการมากที่สุด ไม่เพียงแต่การนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท่านั้น การนวดผิวด้วยน้ำมันยังให้ประโยชน์อื่นๆอีก เช่น


- กระตุ้นการทำงานส่วนต่างๆของอวัยวะในร่างกาย

- กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

- ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ บรรเทาอาการหดเกร็ง เส้นยึด ข้อกระดูกอักเสบ

- บรรเทาภาวะความเครียดสะสม

- ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น คลายความแห้งกร้าน และปัญหาผิวอื่นๆแล้วแต่สรรพคุณของน้ำมันแต่ละชนิด


เราจะเห็นได้ว่าประโยชน์เหล่านี้เน้นไปในทางสุขภาพ แน่นอนค่ะว่าในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอ แต่เหนือสิ่งอื่นใดในตอนนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้คนให้ความสนใจกับการนวดน้ำมันบนใบหน้าเพื่อความงาม มากขึ้นเรื่อยๆ หรือบางทีในตอนนี้อาจจะมากกว่าการนวดน้ำมันเพื่อสุขภาพเสียอีก นั่นก็เป็นเพราะ ผิวหน้าบอบบางมากกว่าผิวกาย อีกทั้งยังต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆที่หลีกเลี่ยงได้ยาก การนวดน้ำมันที่ใบหน้ามีความสะดวกมากกว่านวดน้ำมันทั่วผิวกาย เพราะสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆและเน้นการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่เราต้องขอเตือนให้ทราบกันสักหน่อยนะคะว่า ผิวของมนุษย์เราในแต่ละส่วนมีความหนาบางและสภาพผิวที่แตกต่างกันทั่วเรือนร่าง เพราะฉะนั้นแล้ว น้ำมันบางตัวจึงไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย พอรู้แบบนี้แล้วทำให้รู้สึกเสียดายขึ้นมาเลยใช่ไหมล่ะคะ? ใจเย็นๆแล้วอย่าเพิ่งถอนหายใจไปนะคะ เพราะในวันนี้เราจะมาดูกันว่า น้ำมันตัวไหนเหมาะแก่การใช้นวดทั้งผิวกายและผิวหน้า


1.Sweet Almond Oil

Skin Type: (body) all skin type (face) dry skin, sensitive skin, acne prone


เป็นน้ำมันที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม Aromatherapy มากที่สุดชนิดหนึ่งเพราะมีเนื้อสัมผัสที่กำลังพอดี ไม่มันเยิ้มเกินไปและไม่ซึมลงสู่ผิวเร็วเกิน สามารถเข้ากันได้ดีกับน้ำมันหอมระเหย หลายๆกลิ่น เช่น โรสแมรี่และเปปเปอร์มิ้นต์ โดดเด่นเรื่องความชุ่มชื้นและต่อต้านริ้วรอยก่อนวัย บรรเทาอาการผิวไหม้อักเสบ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ทำงานดีขึ้น การนวดผิวด้วย Sweet Almond Oil ช่วยให้ผิวผ่อนคลายลดอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ช่วยขับสารพิษที่สะสมอยู่ในผิวหนัง กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต


2.KuKui Nut Oil

Skin Type: (body) all skin type (face) dry skin, flaky skin


น้ำมันที่เป็นเคล็ดลับความงามของชาวฮาวายโบราณ ต้องนี่เลย! แม้ว่าชาวฮาวายโบราณต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้ผิวแห้งคล้ำเสีย ผิวไหม้จากแสงแดดที่รุนแรง แต่นี่ก็คือเคล็ดลับที่ช่วยป้องกันผิวให้รอดพ้นจากปัญหาเหล่านั้น น้ำมัน kukui เนื้อสัมผัสบางเบาไ่เหนียวเหนอะหนะ จึงเหมาะกับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวมันและผิวเด็กทารก มีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันแสงแดดได้จามธรรมชาติ ลดความเสียหายของอาการผิวไหม้คล้ำเสีย ช่วยคืนความกระจ่างใสชุ่มชื้นให้กับผิว บรรเทาอาการระคายเคืองและต่อต้านริ้วรอยได้อย่างดีเยี่ยม



3. Apricot Kernel Oil

Skin Type: (body) all skin type (face) acne prone skin, sensitive skin, dry skin, combination skin

คนแพ้ถั่วเชิญทางนี้ค่า! มีหลายๆคนชื่นชอบน้ำมันที่สกัดได้จากถั่ว เช่น sweet almond oil แต่ก็ต้องโบกมือลากันไปเพราะใช้แล้วเกิดอาการแพ้ ในวันนี้เรามีอีกทางเลือกมาทดแทนให้ค่ะ นั่นก็คือ apricot kernel oil ที่มีสรรพคุณโดดเด่นไม่แพ้น้ำมันตัวไหนเลย ทั้งเรื่องความชุ่มชื้น การป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดสิว ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิวได้อย่างดีเยี่ยม และยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ใช้ในการนวดได้ัท้งผิวกายและผิวหน้า


4. Black Seed Oil

Skin Type: (body) all skin type (face) dry skin, combination skin


หรือที่รู้จักกันในชื่อ black cumin seed oil เป็นน้ำมันที่ประกอบไปด้วย Thymoquinone อย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นสารที่ช่วยส่งเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันเซลล์ทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้สารประกอบอื่นๆทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าสีของน้ำมันชนิดนี้อาจจะทำให้หลายคนลังเล เพราะไม่เคยได้เห็นน้ำมันที่มีสีเข้มอย่างนี้ แต่หารู้ไม่ว่าน้ำมันชนิดนี้ อัดแน่นไปด้วยกรดไขมันและวิตามินต่างๆอย่างเข้มข้น เช่น linoleic acid, oleic acid, palmitic acid, amino acid, omega 3, vitamin a, และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ควรค่าแก่การได้ทดลองใช้มากที่สุดชนิดหนึ่ง แต่ด้วยความที่น้ำมันมีกลิ่นธรรมชาติเข้มข้น จึงแนะนำให้ผสมกับน้ำมันตัวอื่นๆที่มีสีอ่อนกว่าและกลิ่นอ่อนกว่า เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น


5.Jojoba Oil

Skin Type: (body) all skin type (face) all skin type including acne prone skin, sensitive skin, oily skin


นึกอะไรไม่ออกนึกถึง jojoba oil เลยค่า! เพราะน้ำมันชนิดนี้เหมาะกับผิวทุกประเภทอย่างแท้จริง เพราะมีองค์ประกอบที่คล้ายกับ sebum ในผิวหนังของมนุษย์ทำให้เข้ากันได้ดีกับน้ำมันทุกประเภท jojoba oil ช่วยปรับสมดุลของน้ำมันบนผิวและป้องกันการระเหยของน้ำใต้ผิว ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองและซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลายโดยแสงแดด นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิว และช่วยกระชับรูขุมขนได้ตามธรรมชาติ



6.Sunflower Seed Oil

Skin Type: (body) all skin type (face) all skin type especially oily skin

เป็นน้ำมันที่เหมาะต่อการนวดเพื่อผ่อนคลายมากๆอีกชนิดหนึ่ง เพราะมีสีเหลืองอ่อน เนื้อเบาบาง กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่มีค่าอุดตันและไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งทราบน้ำมันให้คุณรำคาญใจ สามารถเข้ากันได้ดีกับน้ำมันบำรุงผิวและน้ำมันหอมระเหยตัวอื่นๆ ใช้ได้ทั้งผิวกายและผิวหน้า รวมถึงใช้ได้ในบริเวณผิวที่บอบบางเช่นผิวรอบดวงตาและผิวเด็กทารก (6 เดือนขึ้นไป) น้ำมันชนิดนี้มีส่วนช่วยในการป้องกันผิวจากเชื้อโรคและแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวได้ ช่วยคลายความแห้งกร้านและบำรุงให้ผิวนุ่มอ่อนเยาว์ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย



7.Grape Seed Oil

Skin Type: (body) all skin type (face) all skin type


ถ้าพูดถึงการนวดผิว น้ำมันเมล็ดองุ่นถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ เพราะหลายๆคนต่างเทใจให้ในความบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็วและบำรุงได้อย่างล้ำลึก หนุ่มๆสาวๆที่ผิวมันจึงยกให้น้ำมันชนิดนี้เป็นที่หนึ่งในดวงใจไปเลย เพราะไม่ก่อให้เกิดการอุดตันผิว ไม่ทิ้งคราบน้ำมัน และยังมีกลิ่นที่หอมอ่อนๆ น้ำมันชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามิน A, B, D, E รวมถึงกรดไขมันจำเป็นและกรดอะมิโนอีกมากมาย ดังนั้นจึงบำรุงผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยล็อคความอ่อนเยาว์และทำให้ผิวดูสุขภาพดี แต่สำหรับบางคนที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษก็อาจจะต้องใช้น้ำมันตัวอื่นๆที่มีเนื้อสัมผัสหนากว่าเพื่อมาผสม เช่น avocado oil, sweet almond, coconut oil


และนี่ก็คือน้ำมันบางส่วนที่ Tropicalife ได้นำขึ้นมายกตัวอย่างเพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับคุณลูกค้าทุกท่าน แต่ว่ากันตามความจริงแล้ว น้ำมันทุกชนิดก็สามารถที่จะใช้ในการนวดได้ทั้งนั้น แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าน้ำมันแต่ละตัวมาจากพืชนานาชนิด ดังนั้นก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของสรรพคุณและเนื้อสัมผัส เช่นเดียวกับผิวของเราทุกคนที่มีความแตกต่างกันไป บ้างก็ผิวแห้ง บ้างก็ผิวมัน ไหนจะผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่ายอีก ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เราต้องมองหาน้ำมันที่เข้ากับผิวเราได้ดีสุดและช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด ก่อนจบการเขียนในคอนเท้นท์นี้ Tropicalife ขอฝากเอาไว้ว่า หากคุณกำลังอยากได้น้ำมันที่ตรงต่อความต้องการและแก้ปัญหาผิวได้อย่างถูกจุด เรายินดีให้คำแนะนำและเลือกน้ำมันที่ตรงต่อความต้องการของคุณมากที่สุดค่ะ

** ประโยชน์ที่ได้รับอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล **