หากคุณกำลังมองหาน้ำมันบำรุงผิวที่อ่อนโยนต่อผิวที่สุด....อยู่ที่นี่แล้วค่ะ! ^^
หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่ชื่นชอบและหลงใหล ในการบำรุงผิวด้วยน้ำมันต่างๆ Tropicalife เชื่อเลยว่า คุณต้องรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อของ Apricot Kernel Oil (น้ำมันเมล็ดแปริคอต) เพราะว่าในวงการความงาม Apricot oil มีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าน้ำมันหลายๆตัว ทำให้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ในการใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม,สครับขัดผิว,มาสก์หน้า,ครีม บำรุงผิวหน้าและผิวกาย,น้ำหอม,น้ำมันนวด รวมไปถึงมอยเจอร์ไรเซอร์
สาเหตุที่วงการความงามให้ความสนใจ Apricot oil นั่นก็เพราะว่า Apricot oil มีเนื้อสัมผัสที่บางเบามากกว่าน้ำมันตัวอื่นๆ อีกทั้งยังซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่า จะไม่มีความเหนียวเหนอะหนะ และไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ที่ผิว ดังนั้น ก็จะไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองใดๆ จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย หากคุณนึกไม่ออกว่า Apricot oil มีความบางเบาขนาดไหน Tropicalife ก็ขอบอกเลยว่า บางเบาแบบที่สามารถทารอบดวงตา และเด็กทารกก็สามารถใช้ได้ ! และยังไม่หมดเพียงเท่านั้นนะคะ อีกเรื่องที่น่าทึ่งของ Apricot oil ก็คือ มีการพิสูจน์แล้วว่า Apricot oil มีกรดไขมัน ที่คล้ายกับที่มีอยู่ในผิวหนังของมนุษย์ เพราะฉะนั้นเรื่องการแพ้หรือระคายเคืองก็แทบจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย เมื่อกรดไขมันในผิวของมนุษย์เราเสื่อมลง Apricot oil จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่เอามาใช้เพื่อทดแทนกรดไขมันที่เสื่อมไป แถมยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผิวให้อีกด้วย นอกจากนั้น Apricot oil ยังประกอบไปด้วย
VITAMIN A,E,C = ช่วยเรื่องการป้องกันผิวแห้ง ผิวแห้งแตกลาย ป้องกันการอักเสบที่เกิดสิวได้ดี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูง ช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยแผลเป็น ผิวไหม้จากแดด ยับยั้งการเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง
Omega 3,6,9 = กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ ป้องกันไม่ให้ผิวถูกทำลายจากแสงแดด ทำให้ผิวคงความอ่อนเยาว์
กรดโอเลอิก (Oleic Acid) = ให้ความชุ่มชื้น
กรดไลโนเลอิก (Vitamin F) = ทำให้ผิวสุขภาพดี
กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha-Lipoic Acid ) = เป็นกรดไขมันที่ร่างกายสร้างเองได้ แต่เมื่ออายุมากแล้วก็จะสร้างได้น้อยลง
Apricot Kernel Oil สามารถเอาไปใช้กับอะไรได้บ้าง ?
ในส่วนของการนำ Apricot oil ไปใช้นั้น ก็อย่างที่ได้บอกไปว่า ด้วยคุณสมบัติพิเศษทำให้สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่นที่นิยมกันมากๆ คือ
1.ครีมบำรุงผิวหน้า/ผิวกาย
- ผิวกระชับ เปล่งปลั่ง แลดูสุขภาพดี
- ต่อต้านริ้วรอย ชะลอความแก่ก่อนวัยอันควร
- คลายความแห้งกร้าน เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ปรับสมดุลน้ำมันผิว
- ซึมเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคียง
- ซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากแสง UV รอยผิวไหม้ รอยแผลเป็น
- ป้องกันการเกิดสิว และลดการอักเสบของสิวพร้อมป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
- ใช้นวดก่อนนอน ช่วยให้รูขุมขนกระชับ และผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
2.บำรุงสุขภาพผมและหนังศีรษะ
- ใช้ผสมกับน้ำมันตัวอื่นๆ เพื่อหมักผม ทำให้ผมนุ่มสลวย เงางาม สุขภาพดี
- ผมเรียบสวย ไม่ชู้ฟู
- ลดการสะสมของสารเคมี ที่อยู่ในหนังศีรษะ
- ลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม
- บรรเทาการอักเสบของหนังศีรษะ
3.ใช้เป็นน้ำมันนวด
- ซึมเข้าสู่ผิวเร็ว ไม่ทิ้งสารตกค้าง บำรุงผิวได้ล้ำลึก
- ไม่ระคายเคืองผิว สามารถใช้นวดเด็กทารกได้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม
4.ผสมในผลิตภัณฑ์ขัดผิว
- ขจัดสิ่งสกปรกตกค้างได้ล้ำลึก แต่ยังคงความอ่อนโยน
- ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส
5.ผสมในผลิตภัณฑ์มาส์กหน้า
- กักเก็บความชุ่มชื้นของผิว ปรับสมดุลน้ำมันผิว ลดปัญหาหน้ามัน
- ใช้แทนโทนเนอร์ ขจัดน้ำมันส่วนเกินจากเครื่องสำอาง
นี่แค่บางส่วนนะคะ ที่คนนิยมนำไปใช้ เพราะว่าจริงๆแล้วยังมีผลิตภัณฑ์ความงามอีกหลายอย่างที่มีส่วนผสมของ Apricot Kernel Oil เมื่อรู้ดังนั้นแล้ว ก็อย่าลืมเลือก Apricot Kernel Oil มาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ความงามของคุณนะคะ ^^
**ประโยชน์ที่ได้รับอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล**
เรียบเรียงโดย : https://buytropicalife.com/
ภาพโดย : https://buytropicalife.com/
อ้างอิง : https://www.organicfacts.net/apricot-kernel-oil.html ,
https://www.livestrong.com/article/188731-apricot-kernel-oil-skin-benefits/ ,
https://www.omorovicza.com/in/apricot-kernel-oil?___geoStore=omorovicza_store_in